อุปกรณ์ที่ใช้ประกอบในการเพิ่มพลังของจักระ
"สุขภาพของชีวิต"
เกิดขึ้นจากภาวะดุลยภาพของสุขภาพกายเนื้อและสุขภาพ
กายจิตโดยที่กายเนื้อถูกหล่อเลี้ยงด้วยอาหารและอากาศ
ส่วนกายจิตถูกหล่อเลี้ยงด้วยพลังสมาธิและพลังธรรมชาติภายนอก (สุริยะปราณ อากาศปราณ
และปฐพีปราณ) มนุษย์ใช้พลังงานจากกายเนื้อในการดำเนินกิจกรรมชีวิต
และใช้พลังงานจากจักระต่างๆ ในกายจิตมาซ่อมแซมและบำรุงรักษากายเนื้อ
ดังนั้นร่างกายของมนุษย์ในขณะที่มีชีวิตอยู่จึงต้องใช้พลังงานตลอดเวลา
จึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่มนุษย์จะต้องทดแทนพลังงานที่ถูกผลักออกไปใช้อย่างต่อเนื่องด้วยการพัฒนาพลังสมาธิและดูดซับพลังจากธรรมชาติภายนอกอย่างสม่ำเสมอ
ทั้งนี้เพื่อให้เกิดพลังหมุนเวียนภายในร่างกายอย่างสมดุล >>
วิธีบริหารกายจิตเพื่อเพิ่มพลังของจักระโดยใช้อุปกรณ์ประกอบ
อุปกรณ์ที่ใช้ประกอบในการเพิ่มพลังของจักระนี้มี 4 ชนิด
1.อัญมณี
โดยธรรมชาติของอัญมณีจะต้องใช้เวลาอันยาวนานมากที่หินจะกลายเป็นอัญมณี
จากกระบวนการอันยาวนี้ ทำให้อัญมณีได้รับแสดงคอสมิคจากดวงอาทิตย์
และแหล่งกำเนิดพลังอื่นๆ เป็นเวลาอันยาวนานเช่นกัน
พลังคอสมิคที่สั่งสมในอัญมณีมีจำนวนมหาศาล ซึ่งสามารถปล่อยพลังออกมาได้
อัญมณีที่ใช้ในการเพิ่มพลังให้จักระต่างๆ นั้นจะแตกต่างกันไป ตามสีของจักระดังนี้
ก. African Ruby เป็นทับทิมสีแดง
ใช้เพิ่มพลังจักระที่ 1
ข. Cermelian เป็นอัญมณีสีส้ม
ใช้เพิ่มพลังจักระที่ 2
ค. Citrine เป็นอัญมณีสีเหลือง ใช้เพิ่มพลังจักระที่ 3
ง. Chreesoprase เป็นอัญมณีสีเขียว
ใช้เพิ่มพลังจักระที่ 4
จ. Turquoize เป็นอัญมณีสีฟ้า
ใช้เพิ่มพลังจักระที่ 5
ฉ. Lapislazuri เป็นอัญมณีสีน้ำเงิน
ใช้เพิ่มพลังจักระที่ 6
ช. Amathyse เป็นอัญมณีสีม่วง ใช้เพิ่มพลังจักระที่ 7
วิธีการเพิ่มพลังจักระด้วยอัญมณี
สามารถทำได้โดยการกำอัญมณีที่สีตรงกับจักระที่เราต้องการเพิ่มพลังไว้ในมือพร้อมๆ
กับ เพ่งสมาธิไปที่จักระนั้นๆ อย่างแน่วแน่ จะช่วยส่งผลให้สีของจักระนั้นๆ
เข้มมากขึ้น อันเป็นการบ่งบอกถึงจำนวนพลังของจักระที่เพิ่มขึ้น
อนึ่งในการเพิ่มพลังจักระด้วยการใช้อัญมณีจะมีความรู้สึกร้อนและเนื้อเต้นหนึบตรงมือที่กำอัญมณี
2.แสงและสี
การเพิ่มพลังให้จักระโดยใช้แสงและสีนั้นสามารถทำได้ด้วยการใช้ "ตู้ไฟ"
ซึ่งเป็นตู้ที่ประกอบด้วยกระจกสีต่างๆ
โดยการบังคับสีของแสงให้ส่องตรงกับสีของจักระที่ร่างกายมนุษย์
ซึ่งจะช่วยทำให้พลังสีของจักระนั้นๆ เข้มมากขึ้น และมีพลังมากขึ้น
อันจะส่งผลทำให้จักระมีสมมรถนะในการดูดซับพลังธรรมชาติได้มากยิ่งขึ้น
3. เสียงเพลง โดยทั่วไปแล้วจังหวะและโทนของดนตรีในบทเพลงจะมีผลตามอารมณ์ของมนุษย์
และมีผลต่อการทำงานของจักระเป็นอย่างมาก จักระจะหมุนได้เร็วหรือช้านั้น
มีอารมณ์ของมนุษย์เป็นตัวแปรที่สำคัญตัวแปรหนึ่ง
ดังนั้นการฟังเพลงที่มีจังหวะและโทนของดนตรีที่สมดุล
จึงมีประโยชน์ต่อการเพิ่มพลังให้จักระสามารถทำงานได้อย่างกระปรี้กระเปร่า
เพลงที่นิยมใช้ในการเพิ่มพลังของจักระต่างๆ ได้แก่บทเพลงของ "บีโธเฟนหมายเลข 5 " ซึ่งมีจังหวะและโทนดนตรีชนิดต่างๆ ที่หลากหลาย
ดนตรีแต่ละช่วงจะเหมาะกับการใช้กระตุ้นแต่ละจักระแตกต่างกันไป
โดยที่ผู้ฟังทำสมาธิในขณะที่ฟังเพลงและจะสามารถสัมผัสด้วยความรู้สึกว่าเพลงที่ฟังอยู่นั้นกำลังกระตุ้นอยู่ที่จักระใดของร่างกาย
นั้นคือจักระนั้นกำลังได้รับการเพิ่มพลังจากเสียงเพลง
4. กลิ่นหอม
ในชีวิตประจำวันของมนุษย์กลิ่นต่างๆ
ที่แผ้วผ่านเข้ามาทำให้มนุษย์มีความรู้สึกที่แตกต่างกันไป บางครั้งรู้สึกพอใจ
บางครั้งรู้สึกอารมณ์เสียเช่นเดียวกัน กลิ่นหอมจากไม้และดอกไม้ต่างๆ
มีความแตกต่างกัน บางครั้งกลิ่นหอมที่ค่อนข้างรุนแรง
บางครั้งเป็นกลิ่นหอมที่เบาบางและหวาน
กลิ่นเหล่านี้ล้วนแต่มีอิทธิพลต่อการหมุนของจักระในร่างกายมนุษย์จากการศึกษาค้นคว้าของกลุ่มคนที่สนใจทางด้านนี้ได้พบว่า
กลิ่นหอมแต่ละชนิดจะมีผลต่อการกระตุ้นจักระแตกต่างกันไปดังต่อไปนี้
ก.
กลิ่นกานพลูและไม้ซีด้า สามารถใช้กระตุ้นการทำงานของจักระที่ 1
ข.
กลิ่นกระดังงาและไม้จันทร์หอม สามารถใช้กระตุ้นการทำงานของจักระที่ 2
ค.
กลิ่นลาเวนเดอร์และกลิ่นโรส แมรี่ สามารถใช้กระตุ้นการทำงานของจักระที่ 3
ง. กลิ่นกุหลาบ
สามารถใช้กระตุ้นการทำงานของจักระที่ 4
จ.
กลิ่นยูคาลิป สามารถใช้กระตุ้นการทำงานของจักระที่ 5
ฉ.
กลิ่นมะลิและสะระแหน่ สามารถใช้กระตุ้นการทำงานของจักระที่ 6
ช. กลิ่นดอกบัว
สามารถใช้กระตุ้นการทำงานของจักระที่ 7
จะสังเกตได้ว่า
ในห้องบูชาพระ ซึ่งใช้นั่งสมาธิมักจะมีไม้หอมต่างๆ อยู่ด้วย
ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยทำให้สมาธิแน่วแน่นั้นคือการใช้กลิ่นหอมในการกระตุ้นการหมุนของจักระนั้นเอง
1. ตัดกระดาษสีต่างๆ ตามสีของจักระทั้ง 7 ให้เป็นวงกลม มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 - 5 นิ้ว
2. นำวงกลมกระดาษสีทั้ง 7 สีติดบนฝาผนังห้องในระดับสายตา
โดยติดเรียงลำดับสีของจักระที่ 1
2 3 4 5 6 และ 7 (แดง ส้ม เหลือง เขียว ฟ้า น้ำเงิน และ ม่วง)
การเรียงจะเรียงแนวตั้ง หรือแนวนอนก็ได้
3. นั่งเพ่งดูสีของจักระที่ต้องการอัด
ทำสมาธิพร้อมๆ กับจินตนาการดึงสีนั้นเข้ามาอยู่ในจักระที่กำลังทำการอัดสี
และจินตนาการให้เห็นสี-แสงของจักระนั้นโชติช่วงแจ่มใส
4. ทำเช่นนี้ให้ครบทั้ง 7 จักระ
5. ทำบ่อยๆ จนกว่ามีความรู้สึกว่า
ไม่ว่าจะหลับตาหรือลืมตาก็ยังคงเห็นสีของจักระต่างๆ อยู่ในความทรงจำ
ส่วนสถานที่ที่เหมาะสำหรับทำการอัดสีของจักระนั้น
ควรเป็นห้องที่มีแสง แต่ต้องมีแสงน้อยหรือแสงสลัว
ทั้งนี้เพราะจะทำให้สามารถเห็นสีได้อย่างถูกต้อง (ไม่หลงสี) และเห็นสีที่คงที่